บริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2566 มีกำไรสุทธิ1,611.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.18 ล้านบาท หรือ6.63% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จากเศรษฐกิจฟื้นตัวจตามการท่องเที่ยวและมาตรการ "ช้อปดีมีคืน" หนุนรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งผ่านออนไลน์และที่สาขา
โฮมโปรขยายสาขาเมกาโฮมใหม่3 สาขา ได้แก่ รัตนาธิเบศร์ บางพลี และติวานนท์ โดยสิ้นไตรมาสแรกมีโฮมโปร 87 สาขา โฮมโปรเอส 5 สาขา เมกาโฮม 21 สาขา และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย 7 สาขาคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
รายได้รวม 18,251.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,579.35 ล้านบาท หรือ 9.47% ซึ่งประกอบไปด้วย
- รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า ซึ่งประกอบไปด้วยรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้บริการลูกค้า(Home Service) รวม17,223.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,462.53 ล้านบาท หรือ 9.28% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยการปรับตัวเพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศสำหรับบางภูมิภาค จากการกลับมาดำเนินการได้เป็นปกติของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวหลังจากการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ
- รายได้ค่าเช่า 476.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.08 ล้านบาท หรือ 16.08% จากปีก่อน เป็นผลมาจากการจัดเก็บรายได้ค่าเช่าพื้นที่เช่าในสาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจได้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยว ได้แก่ พื้นที่ภาคใต้เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
- รายได้อื่น จ านวน 551.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.74 ล้านบาท หรือ 10.13% โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มจำนวนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าทั้งในช่องทางสาขาและช่องทางออนไลน์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
HMPRO โชว์กำไร 6,217 ล้านบาท โต 14.27% ปันผล 0.21 บาท
ยอดผู้โดยสารบีทีเอสฟื้นต่อเนื่อง จากเปิดประเทศ-ท่องเที่ยว
กำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าและการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวม4,492.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 395.81 ล้านบาท หรือ 9.66% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขาย เพิ่มขึ้นจาก 25.99% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 26.08% ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมานี้ บริษัทฯ ได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง จึงมีการให้ส่วนลดแก่ลูกค้าเพิ่มขึ้นรวมถึงบริษัทฯ มีรายได้จากการบริการเพิ่มขึ้น ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่ารายได้จากการขายสินค้า จึงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 0.09%
ต้นทุนค่าเช่า จำนวน 193.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.00 ล้านบาท หรือ 24.47% โดยมาจากต้นทุนค่าสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 3,192.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 322.55 ล้านบาท หรือ 11.24% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายอยู่ในระดับ 18.54% ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ระดับ 18.21% จากค่าไฟฟ้าและสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายในการเปิดสาขาใหม่ของเมกาโฮม ค่าซ่อมแซม และค่าใช้จ่ายทางการตลาดและการส่งเสริมการขาย
รายได้ทางการเงิน จำนวน 2.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.67 ล้านบาท หรือ 34.76% จากรายได้ดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้น
ค่าใช้จ่ายทางการเงิน จำนวน 133.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.75 ล้านบาท หรือ 42.44% จากการออกหุ้นกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เพื่อเตรียมชำระหนี้ที่ครบกำหนด
ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ จำนวน 392.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.15 ล้านบาท หรือ 3.19% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากกำไรก่อนหักภาษีที่เพิ่มขึ้น
ราคาหุ้น HMPRO ปิดช่วงเช้าวันนี้(25 เม.ย.) ลดลง 0.20 บาท หรือ 1.46% ปิดที่ 13.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 221.37 ล้านบาท